มาดูพัฒนาการของลูกน้อยกันเถอะ
ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month
    เมื่อลูกน้อยโตขึ้น......
                พ่อแม่หลายคนเคยสังเกตุมั๊ยว่า  ลูกน้อยของเรามีพัฒนาการเกิดขึ้นอย่างไร
บ้าง ?
 สำหรับน้องธิลี  จากที่แม่ไม่มีความมั่นใจว่าจะสอนลูกให้เก่งและฉลาดได้อย่างไร  ยอมรับว่าหวาดกลัวมากหากลูกไม่มีพัฒนาการใดๆเกิดขึ้น  หลายครั้งที่เคยโทษตัวเองกับเรื่องต่างๆที่ผ่านมา  แต่เวลาผ่านไปก็เริ่มพิสูจน์ว่า  ไม่ผิดเลยที่เราทำบ้านเรียนกับลูก  สังเกตุพัฒนาการได้จาก ความกระตือรือร้น ความอยากรู้อยากเห็นของลูกเริ่มเพิ่มทวีมากขึ้นแค่เวลาผ่านไปปีเดียวหลังจากที่ทำ
Home school    ตอนนี้น้องธิลี  เริ่มมีการซักถามมากขึ้น รู้จักการสังเกตุมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น รู้จักตนเองมากขึ้นว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่ยังขาดเรื่องการใช้ภาษา หมายความว่า การใช้คำสื่อสาร บางครั้งเราต้องมานั่งแปล ไทยเป็นไทย  ฝรั่งเศษเป็นฝรั่งเศส  (เพราะอาจจะ เกิดจากการที่เมื่อก่อนเราไม่ค่อยจะพูดคุยกับลูก  หรือหานิทานมาอ่านให้ฟังตั้งแต่ตัวเล็ก  เพราะตอนนั้นขอบอกว่าเป็นแม่มือใหม่จริงๆ และไม่ค่อยจะรู้เรื่องการดูแลลูกซักเท่าไหร่ ค่อนข้างจะหัวโบราณไปนิด)
               จนเพื่อนหลายคนและหลากหลายสังคม (ที่บอกหมายความว่า ทั้งศาสนา, หน้าที่การงาน, ความเป็นอยู่ต่างๆ  เพราะป๊ะป๋ากะแม่ มีเพื่อนเยอะมากเข้ากันได้กับทุกสังคม)ทั้งไทยและต่างชาติ ต่างบอกว่าธิลีเปลี่ยนไปมาก  จากเมื่อก่อนเป็นเด็กที่ขี้อายม๊าก  มาก (ขอย้ำ) ไม่กล้าแสดงออก    ไม่พูด  ขาดความมั่นใจ  ..............
               ตอนนี้เริ่มแฮปปี้กับการทำบ้านเรียนมากแล้วล่ะ  ทุกวันเราเหมือนไม่ค่อยจะเปิดหนังสืออ่านกันเลย  ช่วงนี้ออกนอกบ้านกันบ่อย เพราะมีเพื่อนป๊ะป๋า มาเยี่ยมที่บ้านเยอะมาก แม่เองสังเกตุเห็นว่า  น้องธิลีสามารถถ่ายทอดความรู้การใช้ชีวิต หรือวิถีชีวิตของตนเองให้เพื่อนชาวต่างชาติฟัง ได้อย่างมั่นใจ  แม่ก็แอบคิดในใจว่า  เอาล่ะ ไม่ต้องคิดอะไรมากสำหรับอนาคตลูกแล้วล่ะ  บางทีเค้าอาจจะเหมาะกับการเป็นไกด์  และอาจจะเป็นไกด์ที่ดีก็ได้  (ก็แค่คิดแบบเรื่อยเปื่อย)  สามารถเลี้ยงตัวเองได้ แม่จึงลองยื่นข้อเสนอกับน้องธิลีว่า ถ้าหาก น้องธิลีช่วยแม่ดูแลเพื่อน แม่จะให้เงินเป็นการตอบแทน และอยากให้น้องธิลี เรียนรู้การทำงาน สอนให้รู้ถึงคุณค่าของงานและเงิน หากไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน  หากไม่ทำงานก็ไม่มีกินอะไรประมาณนั้น  การรู้จักเก็บออม (น้องธิลี
บอกว่า อยากได้แทปเลบ  .....อืม  อันนี้ต้องคุยกะป๊ะป๋าก่อนนะ  แต่สำหรับแม่หากลูกตั้งใจจริงๆ ก็คงต้องสนับสนุน แต่ต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด   และเรื่องนี้ต้องพิจารณากันอีกนาน เพราะบ้านเราไม่มีทีวี ไม่ชอบให้ลูกติดกับเทคโนโลยี  แต่ก็เข้าใจและยอมรับสถาพในยุคชีวิตมนุษย์ในปัจจุบัน เลยคิดว่ายังไม่ถึงเวลานั้นเพราะเราอยากให้ลูกใช้จินตนาการอยู่ในโลกของตัวเองให้มากขึ้น )
 เราจึงอาศัยความรู้ทั่วไปพูดคุยกัน สนทนากัน โดยยึด สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เรา  และหากถามว่าได้สอนวิชาการบ้างมั๊ย
ขอตอบเลยว่า วิชาการล้วนๆ แต่แบบประสบการณ์จริงๆ เช่น เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา  คณิตศาสตร์  ภาษาอังกฤษ  ภาษาไทย  ศาสนาและวัฒนธรรม  สังคม  คือเอาเป็นว่าครบทั้ง 8 สาระวิชา และมีเพิ่มเติมอีกวิชาหนึ่ง วิชาการประกอบอาชีพ  ฟังดูเหมือนดูดีนะ  แต่มันคือความจริงที่เราต้องทำหรืิอต้องเรียนต้องศึกษา ไม่ว่าลูกเราจะอายุยังน้อย  แต่มันเป็นไปตามสเต็ปชีวิตของครอบครัวเรา  เป็นพื้นฐาน  ถามว่าลูกคิดอย่างไร  เค้ากลับชอบ  ธิลีบอกว่า "ลูกชอบ เพราะได้เที่ยว  ได้ช่วยแม่กับป๊ะป๋าทำงาน  และที่สำคัญได้อยู่กับแม่และป๊ะป๋า"  น้องธิลีมีความสุข  แม่เองก็มีความสุข  ส่วนป๊ะป๋าเองก็มีความสุขมากเหมือนกัน  แม้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สรุปสั้นๆว่า เราผ่านทุกช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้วในชีวิต  หากจะเกิดอะไรขึ้นอีกครั้ง ก็พร้อมที่จะชนกับมันตลอดเวลา  เพราะชีวิตนี้ไม่เที่ยงจริง ๆ
        (เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่เคยคิดและมีความกังวลใจต่างๆ เหมือนกันนะค่ะ ) 

        

by Meow on Jul 12, 2013

Posted in ไม่มีหมวดหมู่

ติดต่อลงโฆษณา
Medium Rectangle Sidebar 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month

ป้ายคำค้น
No tags found

ในหมวดเดียวกัน
ป้ายคำค้นเดียวกัน
No related posts found
โปรเจ็กต์ของผู้แต่ง