นำทางบันทึก : การต่อต้านญี่ปุ่นของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month
เมื่อนายกไทยไปร่วมมือกับญี่ปุ่นโดยที่ยังไม่ได้ถามความเห็นชอบของประชานทำให้เกิดการต่่อต้านขึ้น
หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ถล่มเพิร์ลฮาเบอร์ของสหรัฐอเมริกาก็ได้มีความตั้งใจที่จะไปตีพม่า จึงขอใช้เส้นทางในไทยเป็นทางผ่านไปตีพม่าและจุดพัก ในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.1941 ญี่ปุ่นจึงได้ทำการยกพลขึ้นบนบกที่ไทยแม้ว่าจะยังไม่ได้ตกลงกัน ทำให้เกิดการปะทะกัน
 
ถึงแม้ว่าทางอังกฤษจะบอกว่าหากโดนโจมตีก็ให้ป้องกันไปก่อน การโจมตีไทยก็เหมือนโจมตีอังกฤษ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีท่าว่าจะส่งกำลังเสริมมาให้ ทำให้รัฐบาลไทยจอมพลป.ก็ได้ตัดสินใจสั่งให้หยุดโจมตีญี่ปุ่น
 
แต่เมื่อญี่ปุ่นได้ยึดพื้นที่มาสำเร็จหลายแห่งทำให้จอมพลป.ตัดสินใจทำสัญญาสัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับญี่ปุ่นขึ้น
 
ญี่ปุ่นที่กำลังพีคในช่วงนั้น รบไหนก็ชนะ ทำให้จอมพลป.ทำการประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิต เพราะมั่นใจว่าญี่ปุ่นจะต้องชนะ
 
แต่ทว่า มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วย นั่นจึงทำให้เกิดกลุ่มไทยอิสระขึ้นมาในสองประเทศที่นอกเหนือจากในไทย ทั้งที่อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา และไทย แต่ในตอนแรกพวกเขาทั้งหมดก็ยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน
 
เมื่อชาวไทยในสหรัฐอเมริกาได้รู้เรืองที่ว่ารัฐบาลไทยนั้นได้เข้าร่วมกับญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยก็ได้ทำการประกาศว่า“สถานทูตไทยในอเมริกาไม่ได้รู้เรื่องหรือเห็นชอบด้วยที่รัฐบาลไทยไปเข้าร่วมกับญี่ปุ่น” ก่อให้เกิดเป็นกลุ่มไทยอิสระ
 
ถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยจะได้ทำการประกาศสงครามกับอเมริกาด้วย แต่ทางอเมริกาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจประกาศสงครามกับไทยอย่างเป็นทางการ และสนับสนุนกลุ่มไทยอิสระอย่างเต็มที่ โดยทำการส่งคนไทยไปช่วยงานในหน่วย O.S.S. ของอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองที่ทำงานในเรื่องประเทศที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองโดยเฉพาะ
 
ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชได้ส่ง มณี สานะเสน ไปที่อังกฤษเพื่อให้รวบรวมกลุ่มคนไทยในอังกฤษมาจัดตั้งไทยอิสระที่อังกฤษขึ้นเพื่อให้สองประเทศ(อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา)ที่เป็นแกนนำสัมพันธมิตรได้รู้ว่า “จริงๆแล้วไทยไม่ได้อยากเข้าร่วมกับญี่ปุ่นนะ แต่จริงๆแล้วไทยต้องการเข้าร่วมกับสัมพันธมิตรต่างหาก”
 
แต่ทว่าอังกฤษไม่ได้ไว้ใจคนไทยเหมือนอย่างอเมริกา พวกกลุ่มคนเหล่านี้จึงถูกส่งไปที่หน่วยโยธาซึ่งเป็นหน่วยที่จะได้รับงานอย่างพวกขุดมันฝรั่ง ล้างส้วม หรือเป็นยามต่างจาก O.S.S. ในอเมริกาลิบลับ
 
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปริปากบ่นและตั้งใจทำงานที่รับมอบหมายอย่างตั้งใจต่อไปทำให้อังกฤษใจอ่อนและส่งสมาชิกไทยอิสระไปฝึกกับหน่วย Force 136 ที่อินเดียแทน
 
ต่อมาก็คือกลุ่มที่อยู่ที่ไทยโดยมีปรีดี พนมยงค์(เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีและเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์)เป็นผู้ก่อตั้ง ปรีดีนั้นไม่เห็นด้วยกับจอมพลป. ตั้งแต่อนุญาตให้ญี่ปุ่นยกพลขึ้นมาบนบกแล้ว
 
ปรีดีบอกว่า “การที่ไทยเข้าร่วมกับญี่ปุ่นไม่ใช่การแก้ปัญหา ไทยควรที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรและต่อต้านญี่ปุ่นตั้งแต่แรก!”
 
และเมื่อปรีดีได้รู้ว่ามีกลุ่มคนที่คิดเหมือนกันเขาจึงพยายามติดต่อคนพวกนั้น แต่ก็ยังไม่สำเร็จสักทาง
 
จากนั้นปรีดีก็ได้พบกับขบวนการกู้ชาติที่อยู่ทางภาคอีสานนำโดย จำกัด พลางกูร พวกเขาก็เป็นกลุ่มคนที่ต่อต้านญี่ปุ่นเช่นกัน ทำให้ได้มีการรวมกลุ่มกันก่อให้เป็นกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นเต็มตัว
 
และยังมีสันติบาลใต้ดินที่ก่อตั้งขึ้นโดย พล.ต.อ.อดุล อดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจ อีกด้วย ถึงแม้ว่าตอนแรกจะยังไม่ได้ทำการติดต่อสื่อสารกับทางกลุ่มปรีดีเพราะกลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหล แต่ในภายหลังนั้นสันติบาลใต้ดินนี่แหละที่เป็นตัวเชื่อมกลุ่มของปรีดีและกลุ่มไทยอิสระที่อยู่ต่างประเทศเข้าด้วยกัน!
 
และแล้วหลังจากนั้นทางกลุ่มปรีดีก็ได้ส่งตัวแทนไปที่จีนคนหนึ่งเพื่อเจรจาว่าแท้จริงแล้วพวกเขานั้นไม่ต้องการรวมกับญี่ปุ่นและทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรเลย
 
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องถูกคุมขังเพราะจีนกลัวว่าจะเป็นสปายของญี่ปุ่นและตายลงเพราะโรคในที่สุด แต่ในที่สดอังกฤษก็ได้รู้ว่ามีกลุ่มคนที่ต่อต้านญี่ปุ่นอยู้ที่ไทยด้วยทำให้พวกเขารีส่งตัวแทนมายังไทยเพื่อติดต่อกับปรีดี และก็สำเร็จไปด้วยดี
 
ส่วนทางอเมริกันนั้นก็ได้ส่งคนไปเหมือนกันแต่ไม่ได้รู้ว่ามีกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นอยู่ที่ไทยด้วย โดยมีกลุ่มหนึ่งและกลุ่มสองตามไปทีหลัง และแล้วกลุ่มหนึ่งกลับโดนตำรวจจับได้และถูกตำรวจยิงตายอย่างไม่ใยดี ทำให้เสียชีวิตไปสามคน
 
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามทาง พล.ต.อ.อดุล ก็ได้พบสามคนที่เหลือและชุดที่สอง ทำให้ในตอนนี้กลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นได้รู้ถึงการมีอยู่ของกันและกันในทั้งสามประเทศแล้ว!
 
จากการรวมตัวกันของคนกลุ่มนี้ทั้งสามขบวนการ ทั้งที่ไทย อังกฤษ และอเมริกัน ทำให้รวมกันเป็น“ขบวนการเสรีไทย”
 
จอมพลป.นั้นก็ไม่ได้มีชื่อเสียงที่ดีสักเท่าไหร่ตั้งแต่การร่างนโยบายต่างๆและการเข้าร่วมกับญี่ปุ่น สุดท้ายแล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่จอมพลป.ตั้งใจจะสร้างเมืองหลวงใหม่แต่ล้มเหลวทำให้เขาต้องจำใจลาออกจากตำแหน่งนายกอีกทั้งยังถูกถอดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกด้วย
 
ทำให้ขบวนการเสรีไทยได้เข้ามาแทรกแซงภายในคณะรัฐบาล โดยการร่วมมือกับญี่ปุ่นเป็นเพียงแค่ฉากหน้า โดยการแต่งตั้งนายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อการแสดง แต่ตามจริงนั้นยังมีรัฐบาลเงาโดยมีทวี บุญเกตุ เป็นผู้มีอำนาจสั่งการแทนนายกเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น และปรีดีเป็นผู้สั่งการรัฐบาลทั้งหมดอีกขั้นหนึ่ง!
 
จากการพยายามทำให้ไทยได้ความเชื่อใจของฝ่ายสัมพันธมิตรมา
 
และทุกอย่างก็เปลี่นไปหลังจากที่โซเวียตส่งกองทัพแดงบุกเข้าแมนจูเรียและเกาหลี พร้อมกับจะยกพลขึ้นบกที่ฮอกไกโด นี่เป็นโอกาสดีที่จะทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ไปเอง ทางอเมริกาจึงตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิ
 
และแผนนี้ก็ได้ผลซะด้วยสิ เพราะจากการโดนโจมตีทั้งสองฝั่งแบบนี้ทำให้ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ทันทีในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ก่อนที่โซเวียตจะยกพลขึ้นบก
 
และเมื่อสงครามจบลงก็มีการถกเถียงกันของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยจีนและอังกฤษต้องการให้มีการลงโทษไทยเหมือนกับประเทศฝ่ายอักษะ
 
แต่ก็จบลงด้วยการที่ทางไทยได้ส่งฑูตไปเจรจาทำให้ทางอเมริกาตัดสินใจถือว่าไทยนั้นอยู่ฝ่ายอักษะ แต่ว่าไม่อยู่ในสถานะของผู้แพ้สงคราม ก็คือจะไม่โดนลงโทษหนักเท่าประเทศฝ่ายอักษะอื่นๆ แต่ทางอังกฤษกลับไมม่ยอมแค่นั้น
 
ผลสรุปออกมาว่าอังกฤษกับอเมริกาจะเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในไทย และไทยต้องส่งข้าวให้ UN จำนวน 24,000 ตัน และส่งข้าวให้อังกฤษ 1,500,000 ตัน และจ่ายค่ารับรองของทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่เข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในไทยวันละ 1,000,000 บาท ตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ.1945 - เดือนตุลาคม ค.ศ.1946

by Numthang on Jul 07, 2021

Posted in ร่องรอยการเรียนรู้

ป้ายคำค้น

ในหมวดเดียวกัน
ป้ายคำค้นเดียวกัน

โปรเจ็กต์ของผู้แต่ง