นำทางบันทึก : ประวัติ halloween
ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month
ที่มาที่ไป ประวัติความเป็นมา ความเชื่อ เกี่ยวกับวันฮาโลวีน
ตำนานและที่มาของวันฮาโลวีน
 
วันที่ 31 ตุลาคมนั้นเป็นวันที่ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอซ์แลนด์ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดปี โดยในวันฮาโลวีนอีฟ ชาว เคลต์ โบราณจะแขวนโครงกระดูกไว้ตรงหน้าต่าง เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความตาย ประเพณีนี้มีจุดกำเนิดในยุโรป โดยจะมีการแกะสลักโคมไฟจากหัวผักกาด เพราะมีความเชื่อว่าหัวเป็นส่วนที่มีพลังที่สุดของร่างกาย ประกอบไปด้วยจิตวิญญาณซึ่งชาวเคลต์จะใช้ส่วนหัวของผักมาขับไล่วิญญาณร้าย
 
พวกเขาเชื่อว่าวันที่ 31 ตุลาคมนั้นจะเป็นวันที่มิติของคนตายและมนุษย์(ที่ยังมีชีวิตอยู่)นั้นจะเชื่อมต่อกัน ทำให้เหล่าวิญญาณสามารถเดินทางข้ามมามิติของเราได้อย่างอิสระ วิญญาณของบรรพบุรุษที่เคารพจะได้รับการต้อนรับกลับบ้าน ส่วนวิญญาณร้ายนั้นจะถูกขับไล่
 
และก็ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งที่ว่าเหล่าวิญญาณจะตามล่ามนุษย์ที่จะสิงสู่เพื่อที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
แต่หากเราปิดไฟทุกดวงในบ้าน หรืออยู่ในอากาศหนาว(ซึ่งพวกภูติผีไม่ชอบ) หรือคอสเพลย์เป็นผีเพื่อที่จะเนียนไปกับพวกมัน จะสามารถหลบเลี่ยงเหล่าวิญญาณร้ายได้
 
บางตำนานได้บอกไว้ว่าเคยมีการเผาคนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิงเหมือนเป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัว แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ในตอนที่มนุษย์ยังเชื่อเรื่องภูติผีปีศาจอยู่ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาลชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน
 
ที่มาของชื่อวันฮาโลวีน
 
เดิมทีนั้นสะกดเป็น ฮันโลวีน, ฮัลโลวีน, ฮาโลวีน ที่เป็นคำย่อของคำว่า Hallows’ Even และคำว่า e’en ก็เป็นคำย่อของคำว่า even ซึ่งย่อมาจากคำว่า evening ซึ่งเป็นคำที่มีรากคำมาจากภาษาอังกฤษโบราณ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ eve of all saints day ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน
 

กิจกรรม trick or treat

มาดูที่กิจกรรมในวันฮาโลวีนอย่าง trick or treat ที่มีมาอย่างยาวนาน โดยตามบ้านจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) และตามบ้านก็จะทำการเตรียมขนม candy corn ที่เป็นที่นิยมในวันอาโลวีนและขนมอื่นๆไว้ เมื่อถึงเวลายามเย็นถึงดึกเด็กๆจะคอสเพลย์เป็นตัวละครแฟนตาซีต่างๆโดยส่วนใหญ่จะแต่งเป็นพวกภูติผี แล้วก็ไปเคาะประตูตามบ้านพร้อมกับตะเกียงฟักทอง (ฟักทองที่แกะสลักเป็นรูปหน้าปิศาจแล้วใส่โคมไฟในนั้น หรือชื่อของมันก็คือ Jack o’ Lantern) แล้วก็พูดกับเจ้าของบ้านว่า trick or treat โดยถ้าเจ้าของบ้านบอกว่า treat ที่แปลว่าเลี้ยง ก็ประมาณว่าชั้นแพ้แล้วเอาลูกกวาดไปเถอะ แต่ถ้าเจ้าของบ้านพูดว่า trick หรือก็แปลว่าหลอกนั่นเอง หรือก็คือประมาณว่าจะไม่ยอมให้ขนมนั่นเอง เด็กๆก็จะทำการหลอกเจ้าของบ้านจนกว่าจะยอมให้ขนม

ชาวไอริชและอังกฤษได้ทำตามประเพณีดั้งเดิมของแจ็ค โดยการเอาเทียนหรือหลอดไฟใส่ลงในหัวผักกาด, มันฝรั่ง และหัวเทอร์นิพ แต่ที่อเมริกา ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงนิยมใช้หัวฟักทองทำตะเกียงมากกว่า และนำไปให้เด็กๆใช้ถือ

ตำนานของ jack-o'-lantern

ตำนานตะเกียงฟักทองนั้น เป็นเรื่องเล่าโบราณเรื่องหนึ่งของไอร์แลนด์เป็นเรื่องเกี่ยวกับแจ็คชาวนาจอมเจ้าเล่ห์ ในสมัยนั้นที่เขาอยู่ซาตานจะออกตระเวนขอพืชผลจากชาวบ้านไปเรื่อยๆ และไม่มีบ้านไหนหรือใครที่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะต้องโดนคำสาปของซาตานนั่นเอง แต่ซาตานนั้นกลับไม่สามารถขู่เอาพืชผลมาจากแจ็คได้ เขาไม่หวาดกลัวหรือให้สิ่งใดกับซาตานเลย

อยู่มาวันนึงซาตานได้แอบเผยตัวตนให้แจ็คเห็นโดยหวังว่าแจ็คจะหันมากลัวตนเองขึ้นมาบาง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย โดยแจ็คนั้นได้ใช้กลอุบายหลอกล่อซาตานจนทำให้มันติดกับเข้าจนได้ แจ็คนั้นกล่าวว่าตนจะไม่ยอมปล่อยซาตานจนกว่ามันจะรับปากว่าเมื่อใดที่เขาตายแล้วจะต้องไม่นำวิญญาณเขาลงนรกไปอย่างเด็ดขาด ซาตานไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับปากเพื่ที่แจ็คจะได้ปล่อยตนไป

เมื่อแจ็คได้ตายไปก็แน่นอนว่าเขาไม่สามารถขึ้นสวรรค์ไปได้เพราะเขาทำชั่วเอาไว้ในตอนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ วิญญาณของเขาจึงลอยไปยังปากประตูนรกและได้พบกับซาตานตนเดิมเมื่อตอนนั้นอีกครั้งหนึ่ง

และเพราะสัญญาที่ได้ให้เอาไว้ซาตานจึงจำเป็นต้องปล่อยวิญญาณของแจ็คไป เขาได้ปล่อยวิญญาณของแจ็คไปพร้อมแสงไฟส่องนำทางให้กับวิญญาณของแจ็คที่จะต้องเร่ร่อนไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายอย่างนั้นไปตลอดกาล

ทุกคืนวันฮาโลวีนวิญญาณของแจ็คจะล่องลอยอยู่ในความมืดพร้อมแสงไฟส่องที่ครอบด้วยหัวผักกาด ต่อมาเมื่อตำนานนี้เข้ามาในอเมริกาก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ผลฟักทองแทนจนทุกวันนี้

แต่ก็ยังมีอีกเรื่องเล่านึงเกี่ยวกับแจ็คว่าในวันที่ซาตานนั้นมารับวิญญาณของแจ็คนั้น ซาตานก็ถูกแจ็คหลอกทำให้จำเป็นต้องตกลงให้คำสัญญากับแจ็คว่าจะไม่มาเอาวิญญาณของเขาไปเป็นเวลาสิบปี แต่มนุษย์ทุกคนก็หนีไม่พ้นความตายแจ็คก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเขาตายกลับไม่มีที่ไหนยอมรับวิญญาณของเขา สวรรค์ไม่ต้อนรับเขาเพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์ ส่วนนรกก็ไม่เอาเพราะว่าแจ็คนั้นด้หลอกซาตานเอาไว้ได้ถึงสองครั้ง แจ็คจึงกลายเป็นผีเร่ร่อน อยู่กับความมืดมิดเพียงลำพัง แต่ซาตานก็ยังใจดีโยนถ่านที่ยังไม่มอดให้กับแจ็คไว้ 1 ก้อนสำหรับส่องทางในความมืดและเพื่อรักษาถ่านให้อยู่นานที่สุดผีแจ็คจึงได้แกะหัวผักกาดซึ่งเป็นผักหาง่ายในท้องถิ่นให้เป็นรู และใส่ก้อนถ่านลงไปแล้วผีแจ็คกับตะเกียงหัวผักกาดก็ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ ซึ่งคนไอริชเรียกผีแจ็คกับตะเกียงว่า Jack of Lantern แต่ภายหลังได้เพี้ยนจนกลายมาเป็น Jack O’Lantern ในปัจจุบัน


by Numthang on Oct 12, 2021

Posted in ร่องรอยการเรียนรู้

ติดต่อลงโฆษณา
Medium Rectangle Sidebar 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month

ป้ายคำค้น

ในหมวดเดียวกัน
ป้ายคำค้นเดียวกัน

โปรเจ็กต์ของผู้แต่ง