เรื่องเล่าการยื่นขอจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัวนำทาง
ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month

เริ่มเรื่องการดำเนินการยื่นขอจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว (ระดับก่อนประถม) ของบ้านนำทาง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2555 เข้าไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ (จากนี้ไปจะเรียกว่า สพป.กระบี่) เพื่อคุยเรื่องจดทะเบียนโฮมสคูลมา เจอจนท.คนแรก(ที่ไม่เกี่ยวข้องหรอก)บอกว่า "ต้องพวกเด็กพิเศษ เด็กมีปัญหา ออทิสติก บลาๆๆ ไรงี้ไม่ใช่หรอถึงจะจด" แกพูดวนกลับมาอีกรอบแต่มีเพิ่มเติมว่า "หรือเด็กเก่งมากเป็นพิเศษ .. มีปัญหาอะไรล่ะ" ตอบไปว่า "ปกติค่ะ อ้อ .. อาจจะเก่งมากไปค่ะ" ตอบไปเผื่อเค้าอยากท้าพิสูจน์ แล้วจะได้รีบจดให้ :P[break]

แล้วเมื่อเข้าไปพูดคุย เจ้าหน้าที่หลายคนในห้อง (ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องสักเท่าไหร่ ส่วนคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงไม่อยู่) ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดติดอันดับท็อปฮิตของคนทำโฮมสคูลหรือบ้านเรียนคือ "สังคม" แต่ประเด็นนี้เราเฉยชา ชาชินมากมาย ตอบไปเหมือนนกแก้วนกขุนทอง เพราะพูดมาบ่อยละ

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกสรรพคุณโรงเรียนว่า "ไปโรงเรียนแล้วได้อะไรอีกเยอะ พ่อแม่ก็ไม่ได้สอนได้ทุกอย่าง เดี๋ยวพอเรียนถึงฟิสิกส์ก็ไม่ไหว" (แหม่ พอดียังไม่ได้ตอบเรื่องฟิสิกส์ว่าลูกคงไม่ใช่แค่จำไปสอบได้ แต่จะได้เข้าใจแจ่มแจ้งแน่นอนค่ะ พอดีว่าวิชาพวกนี้คงต้องรอให้ป๊าอ้าปากเอง แม่ไม่สามารถโชว์เซลฟ์ได้ 555 ป๊าแค่เคยโม้กับแม่ไว้ว่างั้น ตอนไปป๊าก็ไม่ค่อยพูดอะไร แม่พูดอยู่คนเดียว) แล้ว จนท. อีกคนก็เล่าถึงเด็กไหนซักคนว่า "ไปโรงเรียนแป๊ปเดียวกลับมาร้องเพลงเป็นแล้ว กลับมาร้อง "โรงเรียนของเราน่าอยู่ บลาๆๆ" ตายแล้ว เด็กไม่ไปโรงเรียนอย่างลูกดิฉันแพ้เลยค่ะ!!! นำทางไม่รู้จักเพลงนี้ค่ะ วันๆ ร้องแต่เพลงที่แต่งเองซะเป็นส่วนมาก

22 มี.ค.

เข้าไปใหม่อีกรอบเพื่อพบจนท.ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตอนแรกจนท.ก็แอบงง ประมาณว่าก่อนภาคบังคับ (ป. 1) ไม่จำเป็นต้องจดหรือทำอะไร เราก็บอกว่า "ทราบค่ะว่าไม่จำเป็นแต่เห็นมีคนเค้าจดได้ก็เลยลองดูบ้างค่ะ" แต่แกก็น่ารัก โทรสอบถามเขตการศึกษาจังหวัดอื่นให้ (เราเล่าอ้างอิงไปว่าที่เชียงใหม่มีคนจดแล้วค่าาา) แต่ได้คำตอบมาว่าไม่มี (อาจจะคนละเขต พอดีก็ไม่รู้ว่าคนที่จดนี่เขตไหนของจังหวัดเชียงใหม่) แต่แกก็ยังตามให้ต่อ โดยหาเอกสารมานั่งอ่านหาข้อมูลให้ว่ามีมั้ย แล้วโทรกลับมาหาตอนเย็นๆ ว่า "พี่อ่านเจอแล้วนะ มีก่อนการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือภาคบังคับจริงๆ ยังไงเดี๋ยวขอพี่ศึกษารายละเอียดก่อนนะว่าต้องยังไงบ้าง เกี่ยวข้องกับส่วนไหนบ้าง แล้วอาทิตย์หน้าจะโทรมานัดเข้าไปคุยและเอารายละเอียดให้อีกที"

ก่อนที่จะทราบว่าจดได้ พี่ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง แกก็น่ารักมาก พูดจาดี คุยกับเราดี และบอกว่า "ถ้า ป. 1 แล้วนี่มาเลย ยินดีต้อนรับมาก พี่อยากเจอเคสใหม่ๆ อยู่ (กระบี่เพิ่งมีคนจดครอบครัวเดียว แล้วแม่เป็นอเมริกันที่มาดำเนินการ ฟังจากที่จนท.เล่า แลดูว่ามีปัญหากันอยู่พอควร) ยิ่งคนรุ่นใหม่นี่พี่อยากจดให้มากเลย" และก็บอกว่า "พี่ว่าอย่างน้องสองคนคงไม่มีปัญหา คุยกันได้ น่าจะร่วมมือกันได้ดี และมีประสิทธิภาพในการจัด" ... อืม ยังไม่ทันได้ยื่นหรืออ้างอิงไรเลย พี่เค้าก็หลงเชื่อความมั่นใจจากลมปากพวกเราที่พูดกันหนักแน่นว่า "มั่นใจค่ะ สบายมากค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ" ซะแล้ว 555 (จะไม่มีปัญหาจริงป่าวไม่รู้ ปัญหากับการจัดการศึกษาให้ลูกคงไม่มี แต่กับจนท.ก็ไม่ทราบค่า :P แต่จะพยายามฟังอย่างเวลาฟังผู้ใหญ่ ไม่เถียง ไม่หือ ไม่อือ แต่ทำ/ไม่ทำตาม ก็ค่อยว่ากัน 55)

วันนี้ก็มีขัดใจสิ่งที่จนท.พูดๆ บ้าง เช่น เรื่อง "สังคม", การสอนในโรงเรียนครูจบเอกเฉพาะทางในแต่ละวิชาโดยตรง, ถ้าจดเพราะจะหนีปัญหาหนีระบบโรงเรียนไม่สนับสนุน อย่ามาจดเลย แต่ถ้าจดเพราะอยากให้ลูกเป็นเลิศกว่าในโรงเรียนชอบเลย ... อืมมม ก็ถ้าระบบโรงเรียนดีกว่าแล้วคนจะอยากจัดเองทำไมหว่า แล้วทำไมลูกต้องเลิศกว่าใครด้วยหว่า (ซึ่งแน่นอนว่าเค้าพูดถึงด้านวิชาการ) แต่ก็ฟังเฉยๆ ยิ้มๆ ทำไปให้เห็นเองว่าจะเป็นยังไง ดีกว่ามานั่งเถียงให้มีอคติกันแต่แรก แทนที่จะอยากช่วยเดี๋ยวกลายเป็นอยากยกเลิกซะก่อน

เค้าพูดกันด้วยว่า "ระดับประถมนี่คงสบายๆ อยู่แล้ว คงไม่มีปัญหา แต่เดี๋ยวพอโตขึ้นต้องเรียนอะไรลึก เยอะแยะ (หมายถึงระดับมัธยมขึ้นไป) พ่อแม่ก็ไม่รู้หมดทุกอย่างหรอก ในโรงเรียนครูจะจบมาโดยตรงก็จะสอนได้ดี" ... คิดในใจว่า "ไม่ได้คิดจะสอนขนาดนั้นอยู่แล้วค่ะ เพราะป่านนั้นลูกต้องรู้จักศึกษาด้วยตัวเอง และเลือกสิ่งที่ชอบและจำเป็นต้องศึกษาด้วยตัวเองได้แล้วหละ"

การประเมินสำหรับอนุบาลไม่มีอะไรมาก พี่เค้าบอกคร่าวๆ ว่ามี 4 ด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม และปัญญา ระดับประถมก็ 8 สาระ ซึ่งจากเท่าที่คุยก็มีการสอบโดยเป็นข้อสอบแบบเด็กในโรงเรียน, เราทำเอกสารรวบรวมการเรียนรู้ของลูกและหลักฐานการเรียนต่างๆ งานต่างๆ ไว้ส่งให้เค้าด้วย, และนอกจากเขตการศึกษา ศึกษานิเทศ ของพื้นที่แล้ว ก็จะมีส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบอีกทีด้วยค่ะ มาดูทั้งที่บ้าน และดูเอกสารต่างๆ ที่เรายื่นเขตฯ และประเมินอีกทีว่าที่เขตให้ผ่านไม่ผ่านเนี่ย ผ่านส่วนกลางด้วยหรือเปล่า

26 มี.ค.

ก็ถึงวันที่ได้รับเอกสารทางอีเมล์จากเจ้าหน้าที่ผู้น่ารัก เป็นเอกสารแนวทางปฏิบัติในการจัดการศึกษาทางเลือกที่จัดโดยครอบครัว, ตัวอย่างแบบยื่นคำขออนุญาตจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว, การจัดทำแผนการจัดการศึกษาโดยครอบครัว และกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว พ.ศ. 2547 (ผู้สนใจสามารถ download ได้ตาม link ค่ะ)

หลังจากนั้นก็หมกมุ่นอยู่กับการเขียนแผนการจัดการศึกษาโดยครอบครัวอยู่ร่วมเดือน จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 23 เม.ย. เตรียมพร้อมนำไป print และจัดส่ง

สำหรับแผนการจัดการศึกษาของนำทางในระดับชั้นก่อนประถม (อนุบาล 1) หน้าตาเป็นแบบนี้ (ก็ไม่มีอะไรมาก เขียนตามหัวข้อที่เค้ามีกำหนดให้ว่าต้องเขียนให้ครบถ้วน เขียนไปตามวิถีและการจัดกิจกรรมของครอบครัว) แผนการจัดการศึกษาโดยครอบครัว ด.ญ. นำทาง ยศโสภณ

25 เม.ย.

ส่งเอกสารเพิ่มอีกชุดสำหรับ ด.ญ. วนินา หรือ ธิลี ระดับชั้นอนุบาล 2 ที่มาร่วมเป็นครอบครัวโฮมสคูลกับเรา และยื่นหนังสือขอจดฯตามกันมาติดๆ

18 พ.ค.

เข้าร่วมประชุมกับทางสพป.และคณะ (คุณครูอนุบาล, ศึกษานิเทศน์ ฯลฯ) ตอนแรกก็แอบงงกันอีกเช่นเคยว่าระดับอนุบาลต้องจดด้วยหรอ จะจดทำไม จดได้หรอ ก็ต้องชี้เอกสารเป๊ะๆๆๆ ให้ดูว่า จดได้สิค๊าาา พูดคุยกันไปตามแนว ชื่นชมเราบ้างที่กล้าทำ ดักคอไว้ก่อนบ้างว่าระดับโตกว่านี้ควรไปโรงเรียน บลาๆๆๆ ก็นั่งฟังไปตาปริบๆ แต่สรุปก็ไม่มีปัญหาอะไร เค้าก็สรุปในที่ประชุมว่าคงจะผ่านเพราะแผนที่ยื่นก็ถูกต้องเหมาะสมดี (แก้แค่ที่อยู่ที่พิมพ์ผิด, วันที่ กับเติมเรื่องให้คณะกรรมการวัดและประเมินผลปีละครั้ง) แต่ยังไม่จบแค่ระดับนี้ ต้องส่งต่อให้คณะกรรมการเขตฯประชุมลงมติกันอีกรอบ ก็รอต่อไป

29 พ.ค.

เค้าประชุมคณะกรรมการเขตฯกันแต่อันนี้เราไม่ต้องเข้าร่วมด้วยแล้ว รอผลด้วยการไปเที่ยวกรุงเทพ ตราด เพชรบูรณ์ 555

31 พ.ค.

ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ประสานงานผู้น่ารักโทรมาแจ้งว่า "คณะกรรมการสำนักงานเขตฯอนุญาตจัดการศึกษาเรียบร้อยแล้วนะ" (สำหรับเด็กทั้ง 2 คน) ... ก็สรุปว่าได้เป็นเด็กบ้านเรียนแบบถูกต้องตามกฎหมาย (และจะได้รับเงินสนับสนุน) จริงๆ แล้ววว :)

1 มิ.ย.

ได้รับ copy เอกสารอนุญาตฯทางอีเมล์ หน้าตาเช่นนี้ อนุญาตให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว (ตัวจริงเค้าก็ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ด้วย)

ก็มีหลายคนถามมาว่าแล้วทำไมต้องจดด้วย จะยุ่งยากแต่หัววันทำไม ค่อยจดตอนประถม (ซึ่งเป็นภาคบังคับ) ไปเลยก็ได้ บลาๆๆๆ ครอบครัวเราก็มีเหตุผลในการจดตั้งแต่ระดับอนุบาลดังนี้

1. เพราะจดแล้วจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเช่นเดียวกับเด็กในระบบ (แถมได้เยอะกว่าด้วย ปีละหมื่นกว่าต่อคนแน่ะ) เลยอยากรับสิทธิ์ที่พึงได้มาสมทบทุน

2. สร้างความรู้จักคุ้นเคยไว้แต่เนิ่นๆ พอถึงขั้นจริงจัง (ป.1) จะได้รู้แกว รู้เขารู้เรากันแล้ว ป่านนั้นคงไม่ต้องคุยอะไรกันมาก ไม่ต้องข้องใจว่าเราจะเป็นยังไง จะทำได้มั้ย

3. เป็นแบบอย่างสำหรับรุ่นหลังให้ง่ายขึ้น มีความรู้ความเข้าใจ รู้จักกันกว้างขึ้น ทั้งคนที่อยากจัดและเจ้าหน้าที่ บางทีเราบอกว่าอนุบาลไม่จำเป็นต้องเข้า แต่บางคนก็ยังต้องการแม้กระทั่งวุฒิอนุบาล หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่ยังไม่อยากรีบเร่งให้ลูกเข้าโรงเรียน ก็จะได้มีทางเลือกว่าสามารถมีวุฒิอนุบาลกับเค้าได้ด้วยนะ

จบเรื่องสนุกๆ ในระดับเด็กๆ ไว้แต่เพียงเท่านี้ ไว้เล่าอีกทีตอนเรื่องที่เค้ามาวัดมาประเมินผลเลยก็แล้วกันค่ะ


by Tita on Jun 19, 2012

Posted in เรื่องเล่าโฮมสคูล

ติดต่อลงโฆษณา
Medium Rectangle Sidebar 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month

ป้ายคำค้น

ในหมวดเดียวกัน
ป้ายคำค้นเดียวกัน

โปรเจ็กต์ของผู้แต่ง