การผจญภัยของเด็ก HomeSchool ตอนที่ 2 "แก้สมการ"
ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month
เป็นช่วง 1 ปีที่เหนื่อยมาก ที่ต้องมาอ่านเนื้อหาวิทยาศาสตร์มัธยมปลายที่เราทิ้งไปนาน และผมก็ไม่ได้ชำนาญทุกเรื่องทุกวิชา เพราะตอนที่สอบเข้าแพทย์ได้ วิชาที่ถนัดมีเพียงแค่ 2 วิชาคือ ชีววิทยาและฟิสิกส์ ที่ชำนาญจนมั่นใจได้ว่าจะได้ 80% ขึ้นไป ส่วนวิชาอื่นๆก็ขอให้ได้คะแนนมารวมกัน แล้วได้คะแนนเฉลี่ยขั้นต่ำของการสอบติดแพทย์ก็พอ
ผมอ่านช่วงเช้าตรู่เพื่อจะมาสอนลูกก่อนไปทำงานประมาณ 1 ชั่วโมง อ่านอีกทีช่วงบ่ายในที่ทำงานเพื่อเตรียมมาสอนตอนหัวค่ำอีก 1 ชั่วโมง โดยมุ่งเน้นไปที่วิชาคณิตศาตร์และฟิสิกส์ก่อน เพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจ ไม่ใช่วิชาท่องจำ
ผมค้นเจอว่ามีหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์แจกฟรีเป็นอีบุ๊คในเว็บของสสวท. (scimath.org) และดีมาก เพราะมีทั้งตำราเรียน และคู่มือครูที่ผมสามารถมอบหมายให้ลูกทำแบบฝึกหัด และตรวจดูเฉลยด้วยตนเองได้
ผมเจอเว็บของทรูปลูกปัญญาที่มีติวเตอร์รุ่นใหม่ดิวเก่งมากๆ ที่ลูกสามารถไปทบทวนในเนื้อหาที่ตนเองยังไม่เข้าใจได้
ช่วงแรกๆ ในการอ่านเนื้อหา เบื่อและกดดันมากๆ จนพลันมาคิดได้ว่า 
"ก็ที่เอ็งสอนคนอื่นเรื่องอ่านเร็วเรื่องจำเก่ง สอนเขาดีนัก ก็ลองใช้เองดูสิ ถ้าแน่จริง" 
ผมเริ่มอ่านด้วยความทุกข์ แต่นานวันเข้ากับพบความสุขและความสนุกสนาน ในการเรียนรู้
อ่านไปก็ทึ่งกับความคิดความพยายามของนักคณิตศาสตร์นักวิทยาศาสตร์ในอดีต ที่มุ่งมั่นตั้งใจคิดค้นสรุปมาเป็นองค์ความรู้ จำไม่ได้เลยว่าสมัยอ่านเตรียมสอบEntrance เคยรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า แต่อ่านหนังสือคราวนี้รู้สึกดีมากๆ อาจเป็นเพราะเราโตขึ้นรับรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาเข้ากับประสบการณ์ชีวิตได้
เข้าใจว่าเรียนตรีโกณ เรียนแคลคูลัส เรียนแมทริกซ์ไปทำไม???????? ฯลฯ
เมื่อเริ่มต้นสอนลูก รับรู้ได้ว่าลูกสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่ไม่ได้มีพื้นฐานเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นเพราะพัฒนาการและวุฒิภาวะของเค้าเหมาะสมกับช่วงเวลา ในการรับรู้วิชาเหล่านั้น หลายเรื่องลูกก็สนุกและตื่นเต้นในการเรียนไปด้วย หลายเรื่องก็รู้สึกเบื่อบ้าง
จากประสบการณ์ของผม คนเราจะสามารถเรียนรู้ได้ดีก็ต่อเมื่อ มองเห็นภาพรวมของสิ่งที่จะเรียนรู้ทั้งหมดก่อน แล้วจึงค่อยๆเติมเต็ม รายละเอียด เหมือนต่อจิ๊กซอต้องมีภาพสมบูรณ์ของจิ๊กซอให้เราดูก่อน ซึ่งผมก็จะใช้วิธีนี้ในการสอนลูก
แต่กับวิชาคณิตศาสตร์บางเรื่องไม่สามารถบอกภาพรวมได้เลย จึงต้องเปลี่ยนมาบอกถึงประโยชน์สุดท้ายที่เราจะได้จากเรื่องนั้นๆ
ยกตัวอย่างเรื่อง Matrix เนื้อหาแต่ละเรื่องชวนสงสัยว่าจะพาไปไหน ผมต้องขายความคิดลูกให้เห็นความอลังการงานสร้างก่อนว่า เราเคยแก้ปัญหาสมการที่มี 2 ตัวแปร XและY แค่นั้น ก็ใช้ระยะเวลานานมากในการแก้โจทย์
แต่มีใครบางคนที่สามารถหาวิธีแก้สมการที่มีตัวแปร 20 30 50 ตัวได้ โดยใช้วิธีการที่ง่ายมาก นั่นก็คือแมทริกซ์ ซึ่งวิชานี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆไม่ว่าจะโปรแกรมกราฟิกหรือโปรแกรมใช้งานอื่นๆ
เริ่มรู้สึกอยากให้ผมสอนแมททริกซ์หรือยังครับ 555
ฟังดูเหมือนราบรื่นดี แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังต่อว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง ทั้งเตรียมสอบ สมัครสอบ และเข้าสอบ
ปูเสื่อรอเลย!!!